-
Day8 in Barcelona
DAY 8 วันพุธที่ 28 เป็นวันกลับแล้วค่ะแอด Check out จากโรงแรม Hotel Porta Fira ตั้งแต่เช้า เรียก taxi ไป สนามบินไปถึงสนามบิน ไม่มี เคาน์เตอร์ที่ เป็น tax free refund ชนิดที่ได้เงินคืน ตอนนั้นค่ะมีแต่ให้กรอกเอกสารและคืนทางการโอนเงินค่ะ แบบ online หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารเรียบร้อย ซึ่งแล้วแต่ค่าเงิน วันที่จะเข้าเลยค่ะ ค่าเงินแพงก็ดีใจ ค่าเงินถูกก็แอบเศร้า เดินทางกลับโดยสายการบิน Swiss Airline และ transit ที่ Zürich airport ต่อด้วยสายการบินไทยค่ะ หลับยาวๆ ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ -THE END- ตารางทริปของแอด DAY 1 วันพุธที่ 21: บินจากไทยถึงบาร์เซโลนา, Font Màgica de Montjuïc DAY 2 วันพฤหัสบดีที่ 22: Barri Gotic, Capella de Santa Llúcia, Cathedral of Barcelona DAY 3 วันศุกร์ที่ 23: Sagrada Família , FC football Barcelona, La Rambla DAY 4 วันเสาร์ที่ 24: Casa Batlló , Sagrada Família, La Rambla, Barcelona, FC Barcelona Football – Camp Nou Barcelona, Spain DAY 5 วันอาทิตย์ที่ 25: Palau de la Música Catalana, Sant Pau…
-
Day7 in Barcelona
DAY 7 วันอังคารที่ 27 แอดเดินทางไปแต่เช้า เพื่อเข้าแถวรอซื้อตั๋วตอน 10 โมงค่ะ แถวไม่ยาวเท่าไร แต่ก็ไม่สั้นค่ะ Palau Güell https://www.palauguell.cat/en พิกัด: https://goo.gl/maps/maQ4hhEiMf9s64RM9 การเดินทาง: ลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือ Liceu, line 3 อยู่บริเวณใกล้กับถนน la rambla เวลาเปิด-ปิด: วันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ หยุดวันจันทร์ ช่วงเวลาฤดูร้อน ตั้งแต่ 1 เมษา ถึง 31 ตุลาคม เปิด 10-14 และ 16-20 น. ช่วงเวลาฤดูหนาว ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน ถึง 31 มีนาคม เปิด 10-13.30 และ 14.30-18.00 น. ค่าเข้าชม: ราคาสามารถดูที่ web site Palau Güell เป็น คฤหาสน์สไตล์นีโอโกธิกของ ท่านเคานต์ Esebi Güell ซึ่งเป็นคณบดีมั่งคั่ง สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ.1889 ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์ของ Gaudí และให้ Gaudí ออกแบบตกแต่งอาคารหลังนี้ ตัวอาคารตกแต่งภายในด้วยไม้และโลหะสไตล์ อาร์ตนูโว อาคารหลังนี้คือบ้าน ที่มีทั้งพื้นที่ส่วนตัวและส่วนรวมรวมถึงสามารถต้อนรับแขกทางสังคม โดย concept หลักในการออกแบบคือ space และ Light คฤหาสน์นี้เป็นที่อยู่ของ ครอบครัว Güell i López จนถึงเมือครอบครัวย้ายไปที่ Park Güell ( ปี ค.ศ. 1886-1890) คฤหาสน์หลังนี้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและยังเป็นที่ประชุมทางการเมือง, ต้อนรับแขกคนสำคัญต่างๆ รวมถึงการจัดแสดง วงแชมเบอร์มิวสิกอีกด้วย (Chamber Music) ( ดนตรีบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่เหมาะสำหรับแสดงบรรเลงในบ้าน คฤหาสน์ของขุนนาง ) จุดเด่น คือลวดลายบนเสาที่รูปร่างคล้ายเห็ด 6 อันที่เป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบ คฤหาสน์ หลังนี้…
-
Day6 in Barcelona
DAY 6 วันจันทร์ที่ 26 วันนี้แอดไปตามรอย Gaudí กันต่อค่ะ THE PAVILIONS OF THE FINCA GÜELL เพื่อชมประตูมังกร Güell Pavilions พิกัด https://goo.gl/maps/efJzLAsKs6TZETWU9 การเดินทาง: ออกสถานี Metro Royal Palace, line 3 คฤหาสน์รูปแบบสไตล์แคริบเบียนของ Eusebi Güell โดยสถาปนิกชื่อ Joan Martorell ถูกสร้างขั้นตั้งแต่ปี 1884 – 1887 ซึ่ง Gaudíได้รับมอบหมายให้สร้างบ้านใหม่และสร้างกำแพงรอบนอกพร้อมประตู Gaudí จึงวางแผนกำแพง Ashlar โดยมีประตูอยู่หลายประตู ด้านประตูหลักนั้นจะเป็นตะแกรงเหล็กดัดในรูปของมังกร มาชมรูปกันค่ะ ตัวกำแพงก็สวยนะคะ หลังจากไปประตูมังกรเสร็จ แอดก็เดินไปชมอีกที่ต่อ เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างใกล้กันสามารถเดินไปได้ค่ะ FINCA MIRALLES พิกัด https://goo.gl/maps/m8bAQTnmcaonfjbs7 การเดินทาง: ลง Metro สถานี Maria Cristina, Line 3 สามารถเดินมาจากประตูมังกร Güell Pavilions เดินประมาณ 700 เมตร ตรงยาวๆ เลยค่ะ อาคารสร้างขึ้นโดยสถาปนิก Domènec Sugranyes และGaudí ได้ออกแบบรั้วและประตูทางเข้า Finca Miralles สร้างเมื่อปี 1901 – 1902 เป็นประตูทางเข้าแบบโค้งๆ สวยงามค่ะ มาชมกันค่ะ หลังจากนั้นแอดไปเที่ยวต่อที่ Park Guell สวน ปาร์คกูเอย https://parkguell.barcelona/en พิกัด https://g.page/ParkGuellOficial?share การเดินทาง: ลงสถานี Metro Vallcarca หรือ Lesseps จากนั้นเดินขึ้นเนินไปอีกประมาณ 10-15 นาที เวลา เปิด-ปิด: เปิด 9.00…
-
Day 5 in Barcelona
DAY 5 วันอาทิตย์ที่ 25 แอดได้ check out และย้ายโรงแรม ไปที่ Hotel Porta Fira ค่ะ หลังจากจัดของเสร็จเรียบร้อยแล้ว แอดก็ออกมาเที่ยวต่อเลยค่ะ Palau de la Música Catalana https://www.palaumusica.cat/ca พิกัด: https://goo.gl/maps/g9yaykdLYfNPPxiz5 การเดินทาง: ลงสถานี Urquinaona Station (เดินไกลหน่อยนะคะ) เวลาเปิด-ปิด: ศุกร์ ถึง อาทิตย์ เวลา 10.00 น. ถึง 15.30 น. ค่าเข้าชม: สามารถดูรายละเอียดที่ web site สถานที่นี้เป็นสถานที่ชมคอนเสิร์ต ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1905 -1908 เป็นสไตล์ Modernista แห่งคาตาลัน ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว ตอนแอดไป ไม่มีการจัดแสดงนะคะ แต่มีการซ้อมดนตรีกันอยู่ แอดถ่าย clip มาให้ชมกันค่ะ ส่วนสถานที่อื่นๆ ที่เปิดให้เข้าชม นั้น ห้ามใช้ขาตั้งกล้องนะคะ ใครจะแบกไปบอกเลยว่าไม่ต้องค่ะ หนักเปล่าๆ สถานที่จัดแสดง คอนเสิร์ต สวยมากๆค่ะ Sant Pau Recinte Modernista (Hospital) การเดินทาง: ลงสถานี Sant Pau (แอดแนะนำออกสถานีนี้จะหาเจอง่ายกว่า) หรือ ออกสถานี Hospital de Sant Pau (จะอ้อมไปฝั่งโรงพยาลใหม่ ต้องเดินอ้อมไกล พิกัด: https://goo.gl/maps/TNPsrU3q4vVaYWYu9 เวลาเปิด-ปิด: 9.30 ถึง 13.30 น. ค่าเข้าชม: สามารถดูรายละเอียดที่ https://www.viator.com/tours/Barcelona/Self-Guided-visit-to-the-Sant-Pau-Art-Nouveau-Site-in-Barcelona/d562-41248P1 โรงพยาบาลนี้ ตัวอาคารได้ถูกสร้างขึ้น ระหว่างปี 1901 ถึง ปี 1930 โดยได้รับการออกแบบจาก LluísDomènech i Montaner ซึ่งเป็นสถาปนิกสมัยใหม่ของคาตาลัน ร่วมกับ Palau de…
-
Day 8: Kuala Lumpur
Day 8: 13 Jul “Purajaya” วันนี้แอดจะไปเที่ยว Purajaya ค่ะ เนื่องจากไปเที่ยวที่นี่ แอดเลยย้ายไปนอนที่โรงแรมแถว Purajaya ด้วยเลยค่ะ แอดคิดว่า Purajaya ดูแล้วเหมือนที่ปลีกวิเวก เป็นดินแดนหนึ่งเลยค่ะ เลยคิดว่าย้ายตัวเองสะดวกที่สุดค่ะ พอ check out จากโรงแรม แอดก็นั่งรถ shuttle bus ของโรงแรม ไปลงที่ KL sentral ค่ะ (KL sentral เป็นสถานีหลักเลยนะคะ ว่าจะไปต่อที่ไหนบ้าง) เนื่องจากมีกระเป๋าเดินทาง และตัวรถไฟฟ้าไม่ได้ใกล้กับสถานที่ Purajaya จะนั่งรถบัสก็แลดูจะลำบาก แอดตัดสินใจเรียก grab ค่ะ ราคาไม่แพงมากค่ะ แอดจะเข้าไปแวะที่พักก่อนนะคะ เพื่อเอากระเป๋าไปฝากไว้ แล้วออกไปเที่ยวค่ะ แอดเลือกพักที่ the everly putrajaya Hotel ค่ะ เนื่องจากตัวโรงแรมใกล้ห้าง Alamanda Shopping Centre สะดวกในการเดินเที่ยวและแวะทานอาหาร ส่วนอาหารเช้า แอดเลือกทานกับโรงแรมนะคะ อาหารหลากหลายมากค่ะ แอดชอบ (นี่แอดเลือกโรงแรม เพราะอาหารปะเนี่ยะ !) https://goo.gl/maps/CBFXVxQyvX1gCAwd6 ก่อนเที่ยวแวะห้างข้างๆทานข้าวกันค่ะ ทุกมื้อมีแต่ไก่ค่ะ บอกเลย อร่อยนะคะ สถานที่แรกที่ไปมัสยิดปุตรา (Putra Mosque) หรือมัสยิดสีชมพู คือตัวอาคารและยอดโดมเป็นสีชมพูค่ะ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบปุตราจายา สถานที่นี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองปุตราจายา สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1997 โดยมีความสูงเทียบเท่าตึกประมาณ 25 ชั้น เข้าเป็นรอบๆค่ะ จะเป็น 15.00-16.00 และ 17.30 – 18.00 เข้าชมฟรีเปิดทุกวัน สุภาพสตรีต้องใส่ชุดคลุมเข้าภายในมัสยิดนะคะ ส่วนผู้ชายแค่ห้ามใส่กางเกงขาสั้น สภาพอากาศ ร้อนมาก ถ้าเป็นไอศครีม คงละลายไปแล้วค่ะ เดินข้ามสะพาน ปุตรา (Putra Bridge) จะได้วิวมัสยิดสีชมพูจากมุมไกลๆ ค่ะ สะพานแห่งนี้มีความยาว 435 เมตร เป็นตัวเชื่อมพื้นที่ต่างๆเข้าด้วยกัน จากเขตรัฐบาล กับหน่วยงานราชการต่างๆ และ ส่วนชั้นบนของตัวสะพานสร้างเป็นทางเดินขนาดใหญ่ โดยสะพานสองชั้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม ของสะพานคาจู ประเทศอิหร่านนั่นเองค่ะ …
-
Day 6-7: Kuala Lumpur
Day 6: 11 Jul “Bukit bintang “ วันนี้แอดเลือกทางอาหารเช้าที่โรงแรมค่ะ อาหารละลานตามากเลยค่ะ หลังจากนั้นแอดก็นั่งรถ shuttle bus ของโรงแรมไปแถว Bukit bintang แอดไปเดินเล่นแถว ห้าง Pavilion , Farenhigh 88 และห้างละแวกนั้นค่ะ ว่าเค้าขายอะไรกันบ้าง ซื้ออะไรมาชิมดี หลังจากนั้น แอดก็นั่งรถตู้เข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนค่ะ https://goo.gl/maps/NmgyuTTYPjgUT4S5A แอดชอบมาซื้อ ผงบักกุ๊ดเต๋ (เป็นแกงแบบจีนฮกเกี้ยนและจีนแต้จิ๋วที่นิยมรับประทานในมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน), กาแฟ old town กลับไปค่ะ อร่อยดี Day 7: 12 Jul “Petronas Twin Towers&Suria KLCC” วันนี้ออกสายหน่อยค่ะ นอนกลิ้งในห้องให้คุ้มค่า หลังจากนั้น แอดก็ นั่งรถ shuttle bus ของโรงแรม ไปลงที่ Bukit bintang เหมือนเดิมค่ะ และก็เดินเรียบมาตามทาง (เปิด google map ได้ค่ะ เนื่องจากแอดจำทางตรงนี้ได้เพราะเคยมาแล้ว จึงค่อนข้างคุ้นทางค่ะ ) เพื่อไปห้าง Suria KLCC เดินเล่นแถวนั้น ห้างนี้เป็นของแบรนด์เนมเยอะนะคะ ติดอยู่กับโรงแรม Mandarin Oriental, Kuala Lumpur ค่ะ และจะอยู่ติดกับ Petronas Twin Towers ที่ Petronas Twin Towers ใครอยากชมวิวมุมสูงสามารถซื้อตั๋วขึ้นชมได้และช่วงค่ำเวลา 20.00, 21.00 และ 21.45 น. ที่บริเวณลานหน้า มีโชว์น้ำพุเต้นรำให้ชมด้วย https://g.page/petronastwintowersofficial?share แอดมาเพื่อชมน้ำพุเต้นรำคะ ต้องรีบไปจองที่นั่งก่อนนะคะ ไม่งั้นที่เต็ม พอน้ำพุเต้นรำจบก็ไปถ่ายรูป Petronas Twin Towers สวยๆ กันต่อค่ะ หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้ากลับโรงแรมค่ะ รถไฟฟ้าจะอยู่ตรงห้าง KLCC โดยนั่งจากสถานี KJL ( ไปทาง Putra…
-
Day 5: Kuala Lumpur
Day 5: 9 Jul และแล้วก็หมด 5D4N ของทริปดำน้ำค่ะ จำนวน package นี้ทางรีสอร์ทจะรับประกันไปสิปาดัน 1 วันนะคะ (คิวเยอะค่ะ สิปาดัน แถมจำกัดต่อวันด้วย) เช้านี้เตรียมตัวมาขึ้นเรือของรีสอร์ทกลับค่ะ พอมาถึงท่าเรือ sempora ประมาณ 11 โมง หลังจากนั้นก็นั่งรถตู้ที่ทางรีสอร์ทจัดให้ในโปรแกรม เพื่อไปสนามบินค่ะ โดยสายการบิน AIRASIA เที่ยวบินที่ AK 5749 เวลา 15.40 ถึงสนามบิน KUL เวลา 18.25 น. ค่ะ หลังจากนี้จะเป็นทริปเที่ยวบนดินแล้วนะคะ แอดเลยตัดสินใจฝากกระเป๋าดำน้ำที่สนามบินค่ะ เพราะหนักมากจริงๆ ถ้าถามว่าหากไปอีกจะไปเที่ยวอะไรเพิ่ม แอดอยากไปเที่ยวที่นี่ค่ะ Tun SakaranMarine Park ไป snorkel และเดินเขาค่ะ เริ่มเที่ยวบนบกกันต่อเลยค่ะ แอดได้จองโรงแรมไว้ที่ The Majestic Hotel Kuala Lumpur, Autograph Collection ตัวโรงแรมสวยค่ะ แอดชอบเพราะสิ่งนี้ แล้วยังมีรถเวียนฟรีด้วย สะดวกสุดๆ https://www.majestickl.com/ https://goo.gl/maps/URMkPx3FP17V7tLm6 เนื่องจากได้ check in ตรงกับวันเกิดพอดี ทางโรงแรม upgrade ห้องให้ด้วยค่ะ แอดดีใจมากมาย ดีใจที่ได้ห้อง upgrade นี่ละค่ะ ยังไม่หมดค่ะ ยังมีพนักงานนำเอาเค้กซ็อกโกแลต 1 ชิ้นมาให้ เป็นช็อคโกแลตแบบเข้มข้น อร่อยมากก มาส่งให้ถึงห้องเลยค่ะ มาชมห้องที่ได้ upgrade ไปพร้อม กันเลยค่ะ แอดเลือกทานอาหารเช้าที่โรงแรมด้วยนะคะ จะได้ไม่ออกไปกินไกลๆ อาหารเช้าเป็นแบบบุตเฟต์ค่ะ ดีงามมาก ที่โรงแรมยังมีบริการ shuttle van ส่งในตัวเมืองด้วยนะคะ เป็นรอบๆค่ะ ไปค่ะ รอบการส่งจะต้องดูที่หน้า lobby หรือทาง web โรงแรมนะคะ จะได้วางแผนเที่ยวไว้ล่วงหน้าค่ะ เนื่องจากแอดมาถึงก็เย็นแล้ว วันนี้ แอดเลยเลือกทานอาหารใกล้ แอดไปทานอาหารร้านอาหารตามสั่ง ออกแนวโรงอาหารค่ะ แถวสถานีรถไฟใกล้ๆค่ะ ค้น Google map อีกแล้ว …
-
Day 9-10 : Melaka ep.2
Day 9-10 (14-15 Jul) Melaka แอดจะได้ไปเดินเที่ยวตลาด ตอนกลางคืนแล้วค่ะ วันนี้แอดมีไกด์ท้องถิ่นค่ะ เพื่อนแอดเอง เป็นคนมะละกาค่ะ แต่ปัจจุบันทำงานที่เมืองหลวง แอดชักชวนนางพาเที่ยวค่ะ เที่ยวกับคนในพื้นที่สบายใจและได้รู้อะไรที่แบบท้องถิ่นเยอะดีค่ะ นางมากับเพื่อนนะคะ ตอนแรกแอดงงค่ะ ว่าทำไมนางพูดจีนกับเพื่อน พูดจีนกับร้านค้าต่างๆ แอดเลยถามนางค่ะ ว่าทำไมนางไม่พูดภาษามาเลย์ นางบอกว่านางเป็นคนจีน-มาเลย์ค่ะ นางเล่าว่าที่มะละกา คนส่วนใหญ่เป็นจีน-มาเลย์เยอะค่ะ อ่อ! อ่อ! อ่อ! อ่อ! ถึงบางอ้อ แล้วค่ะ ตอนเย็น แอดนัดเพื่อนไว้ที่ lobby โรงแรมค่ะ เพื่อนแอดก็มารับไปเที่ยวถนนคนเดินตอนกลางคืน แต่เพื่อนบอกว่ากินอาหารเย็นกันก่อนนะ เพื่อนขับรถมา พาไปได้ทุกที อยากทานอะไร แอดบอกว่า อยากลองกิน satay ที่ ร้านสะเต๊ะร้านนี้เค้าว่าดัง ร้านชื่อ Capital Satau celup year 1950 ขึ้นชื่อ ความอร่อย แต่ๆแอดอยู่อย่างหนึ่งคือ หม้อน้ำจิ้ม ตอนที่ค้นรีวิวไม่ว่าจะภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็จะเจอแต่หม้อเวียน คือกินหม้อเดียวกันแล้วใช้หม้อเดิมวนๆ ไปในแต่ละโต๊ะ บางคนกินใช้ไม้ใหม่จิ้มกิน บางคนก็กินครึ่งหนึ่งแล้วจิ้มกินอีก แอดกังวลใจ และตอนนั้นแอดก็เป็นหวัดอีกด้วย แล้วเพื่อนแอดก็พาไป ร้าน satay ร้านหนึ่งและถามกับพนักงานในร้านว่า นี่ๆ ถ้าหม้อวนกี่บาท ถ้าจะกินหม้อใหม่กี่บาท (นางคุยเป็นภาษาจีนนะคะ) พอคุยกับพนักงานเสร็จเพื่อนแอดก็เดินมาบอกว่า ต้องเพิ่มเงิน จำตัวเลขเป๊ะๆ ไม่ได้ว่าเท่าไร น่าจะเกิน RM 10 (80บาท เพื่อกินหม้อใหม่) ตอนแอดมาถึง ร้านกำลังเปิดบริการรอบเย็นค่ะ คนยังไม่เยอะ ร้านนี้อร่อยด้วยค่ะ เพื่อนแอดบอกว่า ชื่อเสียงร้านอาจจะไม่ดังเท่าร้านดังๆ แต่อร่อยเหมือนกัน เค้ายืนยันค่ะ คนท้องถิ่นยืนยันขนาดนี้ ก็จัดไปค่ะ รออะไร (บอกก่อน ตอนที่ไปนั่นไม่มีโควิดนะคะ ตอนช่วงโควิดน่าจะปรับเปลี่ยนกันแล้วค่ะ) ลักษณะ เป็นผักและเนื้อสัตว์เสียบขายเป็นไม้ เหมือนที่ขายหม่าล่าค่ะ แต่เป็นน้ำจิ้มคล้ายน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ นะคะ เป็นสูตรเฉพาะที่มะละกา เวลาจิ้มน้ำกินเค้าทานกันเป็นหม้อน้ำจิ้มค่ะ ไม่ได้ตักราดนะคะ น้ำจิ้มร้อนๆค่ะ เอาอาหารเสียบไม้ใส่ลงไปเลยค่ะ รอสุก ทานได้ค่ะ ร้านชื่อ McQuek’s Satay Celup (Main Branch) https://g.page/mcquek-satay-celup?share ตอนที่ไปถึง…
-
Day 9-10 : Melaka ep.1
Day 9-10 (14-15 Jul) Melaka วันนี้แอดจะไปมะละกาค่ะ แอดขอเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองหน่อยนะคะ เมืองมะละกาเป็นเมืองท่าที่สำคัญในประวัติศาสตร์บริเวณคาบสมุทรมลายู ตั้งอยู่ที่บริเวณ ช่องแคบมะละกา นั่นเองค่ะ มีตำนานเล่าขาลกันมาว่า ในอดีตกษัตริย์ ปรเมศวร เป็นกษัตริย์ที่นับถือศาสนาฮินดูจากเกาะชวา กษัตริย์ได้ประพาสการล่าสัตว์ในแถบนี้ และได้มีการพักเหนื่อยที่ใต้ต้นมะละกา ซึ่งสถานที่นี้ใกล้กับแม่น้ำมะละกาในปัจจุบันค่ะ ในขณะนั้นอยู่ดีๆมีกวางวิ่งออกมากะทันหัน หมาไล่เนื้อเลยตกใจ ทำให้หมาตกลงน้ำไปเลย ถถถ น้องน่าสงสาร (สมัยก่อนจะใช้หมาไล่เนื้อ ในดมกลิ่นและใช้ในการต้อนสัตว์) กษัตริย์เป็นเห็นว่า เป็นนิมิตหมายอันดี ที่ความเข็มแข็งก็สามารถพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอได้ จึงได้ตัดสินใจตั้งเมืองที่นี่ แต่อีกกระแสหนึ่งก็กล่าวไว้ว่า “มะละกา”มาจากคำในภาษาอาหรับMalakat ที่แปลว่า “ตลาด” เนี่ยะแหละ ในปี พ.ศ.2054 เมืองมะละกานั้น ได้เข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมโดยตัวเมืองเริ่มตกเป็นของโปรตุเกสก่อน หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2194 ดัตช์ ได้บุกมาโจมตีและยึดเมืองได้สำเร็จแทนที่โปรตุเกส จนกระทั้ง ปี พ.ศ. 2338 ได้เกิดสงครามนโปเลียนขึ้น ขณะนั้นเอง ดัตช์เลยตัดสินใจ มอบมะละกาให้กับอังกฤษเพื่อหวังให้เป็นกันชนกับฝรั่งเศส และต่อมามีการส่งกลับคืนและได้นำมาแลกกับ “บังกาลูลู” ในเกาะสุมาตรา ดังนั้นตั้งแต่ ปี พ.ศ.2469 บริษัทอิสต์อินเดียของอังกฤษจึงได้เข้าปกครองตลอดฝั่งตะวันตกของมาลายา ซึ่งมีบริเวณตั้งแต่ เกาะสิงคโปร์ยาวไปจนถึงเกาะปีนัง จากประวัติศาสตร์ต่างๆนั้น พบว่าย่านนี้คือแหล่งศูนย์รวมของอาคารจากยุคสมัยอาณานิคมต่างๆ เลยก็ว่าได้ ปัจจุบันเมืองนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมาก จนถูกเลือกขึ้นเป็น ‘เมืองมรดกโลก’ (World Heritage Site) จากองค์การยูเนสโกใน ปี ค.ศ. 2008 ต่อมา สามารถอ่านละเอียดประวัติศาสตร์ แบบเต็มๆได้ที่ https://lek-prapai.org/home/view.php?id=341 จบเรื่องเล่าประวัติแล้ว มาเที่ยวต่อกันเลยค่ะ เช้าวันนี้แอดจะย้ายไปนอนที่มะละกาเลยค่ะ แอดไปซื้อตั๋วรถบัสที่สถานีนะคะ เนื่องจากมีให้เลือกหลากหลายบริษัทรถทัวร์ค่ะ แล้วแต่เวลาที่จะเดินทางด้วยค่ะ สามารถจอง online ได้นะคะ มีหลายบริษัทให้เลือกค่ะ แอดแนะนำว่าขาไป อาจจะไปเลือกดูที่สถานีได้ ค่ะ แต่ขากลับโดยเฉพาะวันเสาร์หรืออาทิตย์ เพื่อนคนจีน-มาเลย์แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าค่ะ เพราะคนจองกลับกันเยอะมาก ตั๋วอาจจะหมดได้ค่ะ https://www.busonlineticket.com/booking/kuala-lumpur-to-malacca-bus-tickets หลังจากแอด check out จากโรงแรม หลังจากนั้นเรียก GRAB ไปที่ KL SETRAL ไปต่อรถไฟฟ้า KTM สายสีแดง ลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเบอร์เซอปาดูเซอลาตัน (Terminal Bersepadu…